กลับ

BRR ดีเดย์ COD โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งที่ 2 วันที่ 7 เม.ย.นี้ ระบุเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกของไทยที่ขายไฟในรูปแบบ FiT

'บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์' หรือ BRR กดปุ่มพร้อม COD โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งที่ 2 วันที่ 7 เม.ย.นี้ ระบุเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลต้นแบบโรงแรกของไทยที่ขายไฟฟ้าในรูปแบบ Feed in Tariff (FiT) ช่วยหนุนศักยภาพธุรกิจพลังงานทดแทน ดันกำไรสุทธิพุ่งเป็น 30% จากกำไรรวมทั้งปี 58

นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายขาวสีรำส่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายไปต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เตรียมจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งที่ 2 หรือ โรงไฟฟ้าบุรีรัมย์เพาเวอร์ จำนวน 8 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 9.9 เมกะวัตต์ ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในวันที่ 7 เมษายนนี้เป็นวันแรก

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลดังกล่าวได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ.ในรูปแบบ Feed in Tariff ซึ่งถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลต้นแบบโรงแรกของประเทศไทย ที่จำหน่ายไฟฟ้าให้ภาครัฐภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ FiT ภายหลังภาครัฐมีนโยบายปรับรูปแบบรับซื้อไฟฟ้ามาใช้ FiT แทน Adder ส่งผลให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้ของ BRR สามารถจำหน่ายราคาไฟฟ้าต่อหน่วยเพิ่มขึ้นเป็น 4.53 บาท จากเดิมที่ 3.60 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 0.93 บาทต่อหน่วย จึงเป็นผลดีต่อภาพรวมรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนของบริษัทฯ เพิ่มเป็น 10% ของรายได้รวม หรือคิดเป็นรายได้ 450 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งแรก 200 ล้านบาทและโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งที่ 2 อีก 250 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนกำไรสุทธิจากธุรกิจพลังงานทดแทนจะเพิ่มเป็น 30% จากเดิมที่มีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 20%

"โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งที่ 2 ของ BRR ถือเป็นโรงไฟฟ้าต้นแบบแห่งแรกของไทยที่ภาครัฐรับซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชนในรูปแบบ FiT แทนระบบ Adder ที่มีราคาขายต่อหน่วยสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจที่เอื้อให้ภาคเอกชนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติม โดย BRR เองพร้อมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลโรงที่ 3 เพื่อรองรับนโยบายของภาครัฐดังกล่าวและรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นทุกปีอีกด้วย" นายอนันต์ กล่าว